รูปแบบการบริหารการศึกษา 55 Model ผู้เรียนมีสมรรถนะตามศักยภาพ “เรียนดี มีความสุข” การศึกษาเพื่อความเป็นเลิศและความมั่นคงของชีวิต
รูปแบบการบริหารการศึกษา 55 Model ผู้เรียนมีสมรรถนะตามศักยภาพ “เรียนดี มีความสุข” การศึกษาเพื่อความเป็นเลิศและความมั่นคงของชีวิต
5 หมายถึง 5 พัฒนา ได้แก่ พัฒนาทักษะวิชาการ พัฒนาทักษะอาชีพ พัฒนาทักษะชีวิต พัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ และพัฒนาทักษะคุณธรรม
5 หมายถึง 5 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครองและชุมชน และภาคีเครือข่าย
“ข้าพเจ้าจะมุ่งมั่นพัฒนาการบริหารจัดการศึกษาด้วยการสนับสนุนผู้สอน ส่งเสริมผู้เรียน ให้มีคุณธรรม นำพัฒนาทักษะวิชาการ พัฒนาทักษะอาชีพ พัฒนาทักษะชีวิต พัฒนาทักษะคุณธรรม พัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ ดำรงชีวิตอย่างมีความสุขตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการพัฒนานวัตกรรม
1. เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะที่สำคัญในศตวรรษที่ 21 และสมรรถนะตามศักยภาพ
2. เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและสร้างทางเลือกในการศึกษาที่หลากหลายให้ผู้เรียน
3. เพื่อสร้างภาคีเครือข่ายร่วมกันลดความเลื่อมล้ำทางการศึกษาในทุกภาคส่วน
เป้าหมายของการพัฒนานวัตกรรม
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปี 1-6 จำนวน 1,415 คน มีทักษะที่สำคัญในสตวรรษที่ 21 และมีสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนตรงหลักสูตรตามศักยภาพ
กระบวนการพัฒนานวัตกรรมสู่กระบวนการบริหารจัดการศึกษาเพื่อให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะในศตวรรษที่ 21
การพัฒนาความรู้เพื่อให้เกิดทักษะวิชาการและทักษะอาชีพ พัฒนาทักษะชีวิต พัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ และพัฒนาทักษะคุณธรรม เพื่อให้มีสมรรถนะตามศักยภาพ ในรูปแบบ “55 Model ” นี้มีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือกลุ่มเป้าหมาย 5 กลุ่ม ได้แก่
1. ผู้บริหาร ใช้หลัก PDCA (Plan-Do-Check-Act) ในการควบคุมการทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและคุณภาพของการดำเนินกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน โดยทำหน้าที่ ดังนี้
1.1 การวางแผน ( Plan ) ผู้บริหารนำรูปแบบ “55 Model” เข้าไปในแผนปฏิบัติการของสถานศึกษา และแผนการทำงานของฝ่ายบริหารงานวิชาการ ฝ่ายบริหารงานบุคคล ฝ่ายบริหารทั่วไป และฝ่ายบริหารงบประมาณ
1.2 การดำเนินงานตามแผน ( Do ) ให้ผู้เกี่ยวข้องขับเคลื่อน “55 Model”โดยผู้บริหารเป็นผู้คอยให้การสนับสนุน จัดสิ่งอำนวยความสะดวก และคอยกำกับติดตาม นิเทศ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
1.3 การตรวจสอบประเมินผล( Check ) มีการนิเทศติดตามและประเมินผลโดยใช้กระบวนการ Coaching มี 2 ระยะ คือ สิ้นภาคเรียนที่ 1 เพื่อดูความก้าวหน้า และปรับปรุงแก้ไขเมื่อมีปัญหาอุปสรรค และสิ้นปีการศึกษา โดยให้บุคลากรในโรงเรียนได้สรุปผลการดำเนินงาน โครงการ / กิจกรรม นำผลมา วิเคราะห์ หาปัญหา สาเหตุ เพื่อทำการปรับปรุงการดำเนินงานในระยะ ต่อไป
1.4 การปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง ( Action ) นำผลการประเมินโครงการ/กิจกรรม
เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข และพัฒนางานให้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ต่อไป
2. ครู ใช้กระบวนการ PLC (Professional Learning Community) “ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ” ในการขับเคลื่อน “55 Model ” เพื่อให้เกิด การรวมตัว ร่วมใจ ร่วมพลัง ร่วมทำ และร่วมเรียนรู้ร่วมกันของครูและผู้บริหาร บนพื้นฐานวัฒนธรรมความสัมพันธ์แบบกัลยาณมิตร สู่คุณภาพการจัดการเรียนรู้ที่เน้น ความสำเร็จหรือประสิทธิผลของผู้เรียนเป็นสำคัญ และความสุขของการทำงานร่วมกัน
3. ผู้ปกครองและชุมชน ใช้กระบวนการ CoP (Community of Practice) หรือชุมชนนักปฏิบัติเป็นการสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการระหว่าง ผู้ปกครอง ชุมชน หน่วยงานในท้องถิ่น และสถานศึกษา ในการขับเคลื่อน “55 Model” โดยจัดให้มีการพบปะลักษณะที่ไม่เป็นทางการ จะเอื้อต่อการเรียนรู้ และการสร้างความรู้ใหม่ๆ มากกว่าโครงสร้างที่เป็นทางการ ให้มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลทำให้เกิดการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนความรู้ฝังลึก สร้างความรู้ และความเข้าใจได้มากกว่าการเรียนรู้ จากหนังสือ หรือการฝึกอบรมตามปกติ
4. นักเรียนจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก AL (Active Learning) โดยจัดให้มีการพัฒนาครูในด้านส่งเสริมศักยภาพผู้เรียนในการเรียนรู้จัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก Active Learning เป็นจัดการเรียนรู้ที่เน้นลงมือปฏิบัติ
5. ภาคีเครือข่ายทางการศึกษา NA (Network Associations) การผลนึกกำลังของบุคคล กลุ่มม องค์กร หรือหลายองค์การที่มีทรัพยากรของตนเอง ซึ่งเข้ามาประสานงานกันอย่างมีระยะเวลาพอสมควร จะมีการจัดกิจกรรมร่วมกันอยู่เสมอ โดยมีการวางรากฐานเอาไว้ “การบริหารเครือข่ายสถานศึกษา”
ในการพัฒนา 5 ทักษะ ในรูปแบบของ “55 Model” นี้ เป็นการพัฒนาผู้เรียน ตามพระบรมราโชบายด้านการศึกษา ในหลวงราชกาลที่ 10 ทั้ง 4 ด้าน คือ มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง (ทักษะคุณธรรม) มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง-มีคุณธรรม (ทักษะชีวิต) มีงานทำ-มีอาชีพ (ทักษะวิชาการกับทักษะอาชีพ) เป็นพลเมืองที่ดี (ทักษะชีวิต) ซึ่งข้าพเจ้าได้ นำหลักการและแนวคิดในการบริหารงานทั้ง 4 ฝ่ายเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อน “55 Model” เพื่อให้เกิดภาพการปฏิบัติได้จริง มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ผู้เรียนมีสมรรถนะตามศักยภาพ “เรียนดี มีความสุข” การศึกษาเพื่อความเป็นเลิศและความมั่นคงของชีวิต
ในการพัฒนาความรู้ เพื่อให้เกิด ทักษะวิชาการและทักษะอาชีพ พัฒนาทักษะชีวิต พัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ และพัฒนาทักษะคุณธรรม เพื่อให้มีสมรรถนะตามศักยภาพ ในรูปแบบ “55 Model ” นี้มีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือกลุ่มเป้าหมาย 5 กลุ่ม ได้แก่
1. ผู้บริหาร ใช้หลัก PDCA (Plan-Do-Check-Act) ในการควบคุมการทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและคุณภาพของการดำเนินกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน โดยทำหน้าที่ ดังนี้
1.1 การวางแผน ( Plan ) ผู้บริหารนำรูปแบบ “55 Model” เข้าไปในแผนปฏิบัติการของสถานศึกษา และแผนการทำงานของฝ่ายบริหารงานวิชาการ ฝ่ายบริหารงานบุคคล ฝ่ายบริหารทั่วไป และฝ่ายบริหารงบประมาณ
1.2 การดำเนินงานตามแผน ( Do ) ให้ผู้เกี่ยวข้องขับเคลื่อน “55 Model”โดยผู้บริหารเป็นผู้คอยให้การสนับสนุน จัดสิ่งอำนวยความสะดวก และคอยกำกับติดตาม นิเทศ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
1.3 การตรวจสอบประเมินผล( Check ) มีการนิเทศติดตามและประเมินผลโดยใช้กระบวนการ Coaching มี 2 ระยะ คือ สิ้นภาคเรียนที่ 1 เพื่อดูความก้าวหน้า และปรับปรุงแก้ไขเมื่อมีปัญหาอุปสรรค และสิ้นปีการศึกษา โดยให้บุคลากรในโรงเรียนได้สรุปผลการดำเนินงาน โครงการ / กิจกรรม นำผลมา วิเคราะห์ หาปัญหา สาเหตุ เพื่อทำการปรับปรุงการดำเนินงานในระยะ ต่อไป
1.4 การปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง ( Action ) นำผลการประเมินโครงการ/กิจกรรม
เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข และพัฒนางานให้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ต่อไป
2. ครู ใช้กระบวนการ PLC (Professional Learning Community) “ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ” ในการขับเคลื่อน “55 Model ” เพื่อให้เกิด การรวมตัว ร่วมใจ ร่วมพลัง ร่วมทำ และร่วมเรียนรู้ร่วมกันของครูและผู้บริหาร บนพื้นฐานวัฒนธรรมความสัมพันธ์แบบกัลยาณมิตร สู่คุณภาพการจัดการเรียนรู้ที่เน้น ความสำเร็จหรือประสิทธิผลของผู้เรียนเป็นสำคัญ และความสุขของการทำงานร่วมกัน
3. ผู้ปกครองและชุมชน ใช้กระบวนการ CoP (Community of Practice) หรือชุมชนนักปฏิบัติเป็นการสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการระหว่าง ผู้ปกครอง ชุมชน หน่วยงานในท้องถิ่น และสถานศึกษา ในการขับเคลื่อน “55 Model” โดยจัดให้มีการพบปะลักษณะที่ไม่เป็นทางการ จะเอื้อต่อการเรียนรู้ และการสร้างความรู้ใหม่ๆ มากกว่าโครงสร้างที่เป็นทางการ ให้มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลทำให้เกิดการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนความรู้ฝังลึก สร้างความรู้ และความเข้าใจได้มากกว่าการเรียนรู้ จากหนังสือ หรือการฝึกอบรมตามปกติ
4. นักเรียนจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก AL (Active Learning) โดยจัดให้มีการพัฒนาครูในด้านส่งเสริมศักยภาพผู้เรียนในการเรียนรู้จัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก Active Learning เป็นจัดการเรียนรู้ที่เน้นลงมือปฏิบัติ
5. ภาคีเครือข่ายทางการศึกษา NA (Network Associations) การผลนึกกำลังของบุคคล กลุ่ม องค์กร หรือหลายองค์การที่มีทรัพยากรของตนเอง ซึ่งเข้ามาประสานงานกันอย่างมีระยะเวลาพอสมควร จะมีการจัดกิจกรรมร่วมกันอยู่เสมอ โดยมีการวางรากฐานเอาไว้ “การบริหารเครือข่ายสถานศึกษา”
|
หน้าหลัก 
คณะผู้บริหาร 
ข่าวประชาสัมพันธ์ 
เว็บบอร์ด 
สมุดเยี่ยม 
ติดต่อเรา 
เมนูโรงเรียน
ฝ่ายบริหารและบุคลากร
คณะผู้บริหาร 
แบบสำรวจความคิดเห็น
สถิติผู้เยี่ยมชม
